Top 10 ที่เที่ยวเชียงใหม่

1. เป็นปูชนียสถานที่สำคัญยิ่งของเมืองเชียงใหม่ ประดิษฐานอยู่บนดอยสุเทพ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเมือง ห่างจากตัวเมืองเก่าประมาณ 10 กิโลเมตร สามารถมองเห็นจากตัวเมืองได้ชั


2.วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ เป็นเจดีย์ใหญ่ที่สูงที่สุดของอาณาจักรล้านนา สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าแสนเมืองมากษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย (พ.ศ.1913-1954) ต่อมาพระยาติโลกราชโปรดให้ช่างขยายเจดีย์ให้สูงและกว้างกว่าเดิม แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2024 และอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐาน

3.วัดพระสิงห์วรวิหาร อยู่ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง พญาผายูกษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์เม็งรายโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้น ในปีพ.ศ. 1888 พร้อมทั้งสร้างพระเจดีย์สูง 24 ศอกองค์หนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของพญาคำฟู

4.สวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่ได้รับการจัดสภาพอย่างดี บริเวณกว้างขวาง มีบรรยากาศร่มรื่น และมีสัตว์อยู่มากกว่า 2,000 ชนิด ทั้งที่มีอยู่ในเมืองไทยและนำเข้ามาจากต่างประเทศ

5.ถนนคนเดินท่าแพ เป็นสถานที่ชอปปิ้งสุดฮิตของเมืองเชียงใหม่ เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ภายในคูเมืองบริเวณถนนราชดำเนิน สินค้าที่นำออกมาวางขายมีมากมายทั้งสินค้าพื้นเมือง สินค้า OTOP

6.สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนฝิ่น ถ่ายทอดวิชาความรู้ทางด้านการเกษตรแผนใหม่อันจะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้สูงขึ้น

7.ดอยอินทนนท์ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดของแดนสยาม 2,565 เมตร จุดสิ้นสุดของทางหลวงหมายเลข 1009 มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี เป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยและเป็นที่ประดิษฐานสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้าย

8.พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ เป็นพระตำหนักประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า สามารถเดินชมโดยรอบตำหนักและบริเวณซึ่งมีแปลงกุหลาบ สวนเฟิร์น และไม้นานาพรรณ

9.บ้านม้งดอยปุย เป็นสถานที่หนึ่งที่เราประทับใจ เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย บริเวณหมู่บ้านจำหน่ายของที่ระลึกจำนวนมากซึ่งมีทั้งที่ผลิตภายในหมู่บ้าน และนำจากที่อื่นมาวางจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว

10.ถนนนิมมานเหมินทร์ ตั้งอยู่ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นถนนสั้นๆ ความยาวไม่ถึงกิโลฯ แต่ถือว่าเป็นทำเลทองของการทำธุรกิจ เป็นแหล่งรวบรวมความทันสมัย หากจะเปรียบแล้วถนนนิมมานเหมินทร์ก็คงคล้ายกับถนนสุขุมวิทของกรุงเทพฯ นั่นเอง



อ้้างอิงจาก  http://travel.sanook.com

Top 20 เว็บไซต์ยอดนิยมของประเทศไทย

รายงานล่าสุดจากเว็บ Alexa.com ที่รวบรวมสถิติการใช้งานเว็บไซต์ทั่วโลก ได้สรุปรายชื่อเว็บที่คนไทย นิยมใช้มากที่สุด ในช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา มีจำนวน 20 อันดับ มาดูว่า คนไทย ชอบเข้าเว็บไซต์ เว็บใดมากที่สุด

อันดับที่ 1 Google.co.th
แน่นอนว่าอันดับหนึ่งย่อมเป็นของเซิร์ชเอนจิ้นระดับโลกรายนี้ ที่เราทั้งหลายต่างเข้าใช้กันทุกวัน ทุกครั้งที่ต่อเน็ตกันเลยทีเดียว

อันดับที่ 2 Facebook.com
เว็บไซต์ Social Network อันดับหนึ่งของโลกในขณะนี้ ใครใช้ไม่เป็นเชยระเบิดเลยครับ นักเรียนที่ยังไม่เป็นสมาชิก ต้องลองสมัครแล้วใช้งานกันได้แล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ตกยุค

อันดับที่ 3 Live.com
เซิร์ชเอนจิ้นค่ายไมโครซอฟต์ ที่หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหู แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เล่น MSN และใช้ Hotmail แน่นอนว่าคุณย่อมจะรู้จัก live.com เป็นอย่างดี

อันดับที่ 4 Google.com
ก็ยังเป็นเว็บไซต์จากกูเกิลเหมือนเดิม ซึ่ง google.com กับ google.co.th แตกต่างกันตรงที่อันแรก เป็นชื่อเดิมที่เราหลายคนคุ้นเคย แต่อันหลังเป็นของกูเกิลที่เป็นภาษาไทยครับผม (ลองพิมพ์ http://www.google.com แล้วเว็บมันจะเปิด google.co.th มาให้เราโดยอัตโนมัติ)

อันดับที่ 5 Youtube.com
วีดีโอออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่นิยมที่สุดในโลก มีคนบอกว่าถ้าเอาความยาวของวีดีโอมาเปิดดูต่อกัน อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคน ถึงจะดูได้ทั้งหมด ลองหาอะไรดีๆ ไปอัพโหลดไว้บนยูทูปดูกันนะครับ ว่ากันว่า คนไทยดูเยอะ แต่อัพโหลดน้อย เห็นทีเราต้องเปลี่ยนนิสัยกันบ้างแล้วหละ

อันดับที่ 6 Sanook.com
เว็บท่าอันดับหนึ่งของเมืองไทย ที่รวบรวมหลากหลายเรื่องราวเอาไว้ที่เดียว ครูทีมเล่นเว็บนี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม พักหลังๆ ไม่ค่อยได้เล่น แต่ช่วงนี้เห็นนักเรียนชอบเล่นกันมาก เพราะมีเกมสนุกๆ ให้เล่นเพียบเลย

อันดับที่ 7 Yahoo.com
จากเว็บเซิร์ชเอนจิ้นธรรมดา พอโดนกูเกิลแซงหน้า ตอนนี้ yahoo.com เปลี่ยนหน้าตาไปเยอะ และทำอะไรได้เยอะกว่าแต่ก่อน ไม่เชื่อลองเข้าไปดูสิครับ แล้วจะรู้ว่า สมรภูมิการแข่งขันระหว่างเว็บไซต์ต่างๆ มีมากมายแค่ไหน

อันดับที่ 8 Hi5.com
ถึงแม้ว่าคนทั่วโลกจะเลิกเล่น hi5 ไปแล้ว แต่ในเมืองไทยเว็บไซต์นี้ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย

อันดับที่ 9 Blogger.com
เว็บบล็อกอันดับหนึ่งของคนไทย ที่รวมรวมบล็อกไว้มากมายที่สุด เรียกดูได้เร็วที่สุด ใช้งานง่ายที่สุด ใครอยากมี blog และไม่เคยเขียน blog มาก่อน ครูทีมแนะนำที่นี่เลยครับ แต่ต้องมีบัญชีอีเมล์ของ gmail ก่อนนะ

อันดับที่ 10 MSN.com
ใครเล่น MSN จะรู้จักเว็บนี้เป็นอย่างดี เพราะทุกครั้งที่เปิดโปรแกรม msn มันจะเปิดเว็บนี้มาให้โดยอัตโนมัติครับ ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลข่าวสารไว้ทุกประเภทให้อัพเดทกัน แต่ผมว่ามันไม่ค่อยอัพเดท เท่าไหร่เลย คนอื่นๆ ว่าไงบ้างครับ

อันดับที่ 11 pantip.com
เว็บชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมรวมผู้คนทุกวัย ทุกการศึกษา ทุกฐานะ ไว้ที่นี่ หลายคนบอกว่าเข้าไปแล้ว ไม่รู้จะไปไหน ครูทีมแนะนำว่า ให้เข้าไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งคุณจะพบกลุ่มที่เหมาะกับคุณมากที่สุด แล้วคุณจะต้องเปิด pantip.com ทุกครั้งที่ใช้คอม

อันดับที่ 12 mthai.com
จุดนัดพบชาวไซเบอร์สเปซหนุ่มหล่อสาวสวย (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้) ก็ต้องลองไปเล่นดูครับ

อันดับที่ 13 kapook.com
เว็บนี้สมัยครูทีมเป็นวัยรุ่น มันฮิตมากๆ เลย มีทุกอย่างให้ดู ทั้งเพลง เกม หนัง วีดีโอคลิป ดูดวง ผลบอล เรียกว่าบันเทิงสุดๆ  เข้าเว็บนี้แล้วจะอัพเดททุกอย่างที่ทันสมัย

อันดับที่ 14 Wikipedia.org
เว็บไซต์รวบรวมความรูั ที่คนไทยนิยมใช้มากที่หนึ่ง หลายคนบอกว่าข้อมูลในเว็บนี้ไม่น่าเชื่อถือ แต่สำหรับครูทีม เว็บไซต์นี้ก็ถือเป็นแหล่งอ้างอิงขนาดใหญ่ที่เชื่อถือได้บ้างหละน่า ดีกว่าเข้าเว็บไซต์ไร้สาระ ใช่ไหมครับ

อันดับที่ 15 4shared.com
(ครูทีมแนะนำให้อ่านว่า โฟ-แช จะดีที่สุด) ขาโหลดทั้งหลายต้องรู้จักเว็บนี้เป็นอย่างดี ไม่ขออธิบายอะไรมาก แต่อยากให้ใช้เว็บนี้อย่างระมัดระวังให้มากที่สุดครับ เพราะไวรัส อาจจะมาพร้อมกับข้อมูลที่คุณสนใจก็เป็นได้

อันดับที่ 16 Dek-d.com
มหานครวัยรุ่นออนไลน์ สังคมสำหรับวัยรุ่น ที่ทุกครั้งที่ครูทีมเข้าไป ก็จะเจอความหลากหลายลายตาชะมัด แต่เด็กๆ ชอบกันจริงๆ ฝากเอาไว้สำหรับผู้ใหญ่ที่จะเข้าไป อาจจะต้องทำใจกับการใช้ภาษาในเว็บนี้กันสักนิด แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก จะพบว่าเว็บนี้มีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว

อันดับที่ 17 MediaFire.com
(อ่านว่า มี-เดีย-ไฟ-ดอท-คอม)
ขาโหลดต้องรู้จักอีกแล้ว เอาเป็นว่า 4shared.com ทำอะไรได้ mediafire.com ก็ไม่ต่างกันครับ

อันดับที่ 18 Manager.co.th
เว็บไซต์ข่าวในเครือผู้จัดการ หากมองข้ามความเป็นสื่อของพันธมิตร จะพบว่า เว็บไซต์ข่าวเว็บนี้ ดีที่สุดในประเทศไทย มีข่าวอัพเดททันสมัยให้เลือกอ่านฟรี มากมายมหาศาล แต่อย่าลืมใช้วิจารณญาณในการอ่านให้มากๆ ด้วยนะครับ

อันดับที่ 19 Amazon.com
แปลกใจว่าคนไทยนิยมเว็บนี้ด้วยเหรอ แต่เอาเถอะ ถ้าเขาจัดอันดับมาแล้ว ก็ไปเปิดดูสิว่า เขาขายอะไรกัน

อันดับที่ 20 Teenee.com
เว็บที่นี่ดอทคอม เป็นเว็บที่เพื่อนๆ ของครูทีมหลายคนเคยแนะนำมาก ด้วยความโดดเด่นในความเร็วในการโหลด และข่าวสารมากมาย เข้าเว็บเดียวรู้ไปหมดทุกเรื่อง แบบไม่ต้องเสียเวลา ก็แนะนำที่นี่เลยครับ

สังเกตได้ว่าเว็บไซต์ที่คนไทยชอบเปิดดู ก็ยังอยู่ในเทรนของโลก บางเว็บก็อยู่มานานแสนนานนับสิบปี ก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย และคงเป็นอย่างนี้ไปอีกสักพักใหญ่ๆ เลยหละครับ ใครที่ไม่อยากตกเทรน ก็ลองไปเปิดดูนะครับ


อ้างอิงจาก http://teemtaro.wordpress.com

สัตว์ป่าสงวน

สัตว์ป่าสงวน หมายถึง สัตว์ป่าหายาก 15 ชนิด ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535ได้แก่
แมวลายหินอ่อน พะยูน เก้งหม้อ นกกระเรียน เลียงผา กวางผา ละองหรือละมั่ง สมัน กูปรี ควายป่า แรด กระซู่สมเสร็จ นกแต้วแล้วท้องดำ และ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร
ข้อห้ามข้อบังคับบางประการจากพระราชบัญญัติฉบับนี้ที่ควรทราบมีดังนี้
สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นสัตว์ป่าที่ห้ามล่า พยายามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้าหรือส่งออก เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ห้ามครอบครองสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่สัตว์ที่ครอบครองเป็นสัตว์ที่มาจากการเพาะพันธุ์ที่ไม่ถูกต้อง จะต้องโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ห้ามเพาะพันธุ์สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่การล่าเป็นการล่าเพื่อปกป้องตนเองหรือผู้อื่นหรือทรัพย์สิน หรือเหตุอื่นที่เห็นว่าเป็นการกระทำที่ควรแก่เหตุ ไม่ต้องรับโทษ
การห้ามการครอบครองและห้ามค้า มีผลไปถึงไข่และซากของสัตว์เหล่านั้นด้วย
ห้ามเก็บหรือทำอันตรายรังของสัตว์ ยกเว้นรังนกอีแอ่น (นกแอ่นกินรัง) ซึ่งต้องได้รับอนุญาตเช่นกัน



กระซู่

ชื่อสามัญ : Sumatran Rhinoceros
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dicermocerus sumatraensis
ชื่ออื่น : แรดสุมาตรา
เป็นแรดพันธุ์เล็กที่สุดในบรรดาแรด 5 ชนิดของโลก มี 2 นอ ความสูงที่ระดับไหล่ 1.0 - 1.4 เมตร น้ำหนัก 900-1,000 กก. มีขนปกคลุมทั้งตัว ปีนเขาเก่ง มีประสาทในการรับกลิ่นดีมาก เมื่อพบสิ่งกีดขวางจะไม่ข้าม แต่มักใช้หัวดันให้พ้นทางเดิน ชอบกินกิ่งไม้ ใบไม้และผลไม้ ตกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนานประมาณ 7-8 เดือน ปัจจุบันหายากมาก คาดว่าจะพบได้ในบริเวณป่าทึบตามแนวพรมแดนไทย-พม่า และชายแดนไทย-มาเลเซีย รายงานล่าสุดในปี พ.ศ.2539 พบรอยเท้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ นอกจากนี้ยังมีกระจัดกระจายตามป่าต่าง ๆ แห่งละตัวสองตัว เช่น แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี ฮาลา-บาลา จังหวัดนราธิวาส เขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี







เลียงผา

ชื่อสามัญ : Serow
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Capricornis sumatraensis
เป็นสัตว์กีบคู่ มีเขาจำพวกแพะ ความสูงที่ระดับไหล่ 85-94 ซ.ม. น้ำหนักประมาณ 85-140 กก. อาศัยอยู่ตามภูเขาที่มีหน้าผาหรือถ้ำ สามารถเคลื่อนที่ในที่สูงชันอย่างว่องไวและปราดเปรียวมาก สามารถว่ายน้ำข้ามระหว่างเกาะกับแผ่นดินได้ มีอวัยวะรับสัมผัส ทั้งตา หู และจมูกดี กินพืชที่ขึ้นอยู่ตามที่สูง ตกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 7-8 เดือน ปัจจุบันลดจำนวนลงไปมากเนื่องจาก ถูกล่าเพื่อเอาเขาและทำน้ำมันเลียงผา





สมัน

ชื่อสามัญ : Schomburgk’s Deer
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cervus schomburgki
ชื่ออื่น : เนื้อสมัน
เป็นกวางขนาดกลาง ความสูงระดับไหล่ 1 เมตร ได้ชื่อว่ามีเขาสวยที่สุด การแตกแขนงของเขาเมื่อโตเต็มวัยจะมีลักษณะคล้ายสุ่มที่หงายขึ้น จึงเรียกว่า "กวางเขาสุ่ม" ชอบกินยอดหญ้าอ่อน ผลไม้ และใบไม้ อยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ อาศัยอยู่เฉพาะที่ราบต่ำในภาคกลางของประเทศไทยเท่านั้น โดยเฉพาะบริเวณรอบ ๆ กรุงเทพฯ ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ สมันได้สูญพันธุ์ไปโดยสมบูรณ์เมื่อราวปี 2475 แม้แต่สมันตัวสุดท้ายของโลกก็ตายด้วยมือของมนุษย์






นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร

ชื่อสามัญ : White-eyed River-Martin
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pseudochelidon sirintarae
ชื่ออื่น : นกเจ้าฟ้า
เป็นนกนางแอ่นชนิดหนึ่ง ขนาดวัดจากปลายจงอยปากถึงโคนหางยาวประมาณ 15 ซม. พบครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2511 บริเวณบึงบรเพ็ด จ.นครสวรรค์ เพียงแห่งเดียวในโลกและไม่พบที่อื่นอีกเลย เป็นนกที่อพยพมาในฤดูหนาว ส่วนในฤดูอื่นเชื่อว่าจะอยู่บริเวณต้นแม่น้ำปิง ชอบเกาะนอนในพงหญ้า นอนอยู่รวมกับฝูงนกนางแอ่นชนิดอื่น ๆ ตามใบอ้อ และใบสนุ่น โฉบจับแมลงเป็นอาหาร ปัจจุบันเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว






กูปรี

ชื่อสามัญ : Kouprey
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bos sauveii
ชื่ออื่น : วัวเขาเกลียว(ลาว) โคไพร
เป็นสัตว์ป่าตระกูลเดียวกับกระทิงและวัวแดง ความสูงที่ระดับไหล่ 1.7-1.9 เมตร น้ำหนักประมาณ 700-900 กก. อยู่รวมกันเป็นฝูง 2-20 ตัว มีลักษณะพิเศษคือ ตัวผู้ที่โตเต็มที่มักจะมีปลายเขาที่แตกเป็นพู่ เนื่องจากมันชอบใช้เขาแทงดินเพื่องัดหาอาหารกิน ส่วนตัวเมียมีเขาลักษณะเป็นวงเกลียว ชอบกินหญ้า ใบไม้ ตกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 9-10 เดือน พบในไทย ลาว เขมร และเวียดนามเท่านั้น ข้อมูลเกี่ยวกับกูปรีมีน้อยและยังถูกล่าอยู่เสมอเพราะเขามีราคาสูงมาก เป็นที่ต้องการของนักสะสม มีแนวโน้มว่าจะสูญพันธุ์ได้





นกกระเรียน

ชื่อสามัญ : Sarus Crane
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Grus antigone sharpii
ชื่ออื่น : _
อยู่ในตระกูลนกบินได้ขนาดใหญ่ที่สุด สูงประมาณ 150 ซม. พบตามหนอง บึง และท้องทุ่ง หากินเป็นคู่และกลุ่มครอบครัว จับคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว กินแมลง สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ เมล็ดพืช และต้นอ่อนของพืชน้ำ ปัจจุบันไม่พบในประเทศไทยเพราะถูกล่า และแหล่งที่อยู่อาศัยถูกทำลาย แต่ยังพบในประเทศลาวและเขมร





นกแต้วแล้วท้องดำ

ชื่อสามัญ : Gurney's Pitta
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pitta gurney
ชื่ออื่น : _
ขนาดลำตัววัดจากจงอยปากถึงโคนหางยาว 21 ซม. อาศัยอยู่เฉพาะในป่าดิบที่ราบต่ำ ชอบทำรังบนกอระกำ และกอหวาย ซึ่งมีหนามแหลม ชอบกินไส้เดือน ส่งเสียกร้อง "วัก วัก" เพื่อประกาศอาณาเขตและร้องหาคู่ ส่งเสียงร้อง "แต้ว แต้ว" ขณะตกใจ ฤดูผสมพันธุ์เริ่มเดือนพฤษภาคม ปัจจุบันพบแห่งเดียวในโลก ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม (เขานอจู้จี้) จ.กระบี่ คาดว่าเหลืออยู่ไม่เกิน 100 ตัว และมีแนวโน้มว่าจะสูญพันธุ์ในไม่ช้าเนื่องจาก ถิ่นที่อยู่กำลังถูกบุกรุกอย่างรุนแรง






ควายป่า

ชื่อสามัญ : Wild Water Buffalo
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bubalus bubalis
ชื่ออื่น : มหิงสา
เป็นบรรพบุรุษของควายบ้าน ขนาดของลำตัวใหญ่กว่าควายบ้าน รอบคอด้านหน้ามีรอยสีขาวเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวหงายอยู่ เรียกว่า "รอยเชียดคอ" ขาทั้งสี่มีสีขาวเหมือนใส่ถุงเท้า แต่ในธรรมชาติมักไม่เห็นถุงเท้านี้ เพราะควายป่าชอบแช่และลุยปลักโคลนจนถุงเท้าเปื้อนไปหมด ความสูงที่ระดับไหล่ 1.6-1.9 เมตร น้ำหนักถึง 800-1,200 กก. แต่ปราดเปรียวมาก ชอบนอนแช่ปลักให้ดินโคลนพอกลำตัวเพื่อป้องกันแมลงรบกวน มีนิสัยชอบอยู่เป็นฝูง เมื่อบาดเจ็บจะดุร้ายมาก กินใบไม้ หญ้า และหน่อไม้ ตกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนานประมาณ 10 เดือน ปัจจุบันพบบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี เท่านั้น




แมวลายหินอ่อน

ชื่อสามัญ : Marbled Cat
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pardofelis marmorata
ชื่ออื่น : _
เป็นแมวป่าขนาดกลาง น้ำหนักประมาณ 4-5 กก. อยู่ในป่าดงดิบและป่าดิบชื้น ชอบอยู่บนต้นไม้ หากินในเวลากลางคืน อาหารได้แก่ แมลง งู นก หนู และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก ปัจจุบันหายากมาก มีรายงานพบเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลาน







กวางผา

ชื่อสามัญ : Goral
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Naemorhedus griseus
ชื่ออื่น : ม้าเทวดา
มีลักษณะคล้ายแพะ ความสูงที่ระดับไหล่ 50-70 ซม. น้ำหนักประมาณ 20-32 กก. มีขาแข็งแรงสามารถกระโดดตามชะง่อนผาได้อย่างว่องไวและแม่นยำ พบตามยอดเขาสูงชัน สูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,000 เมตร ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดปี อาหารได้แก่ พืชตามสันเขาและหน้าผาหิน ตกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 6-8 เดือน อายุประมาณ 8-10 ปี ปัจจุบันเหลืออยู่จำนวนน้อย พบบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น จ.ตาก






เก้งหม้อ

ชื่อสามัญ : Fea’s Barking Deer
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Muntiacus feai
ชื่ออื่น : เก้งดำ, กวางจุก
เป็นเก้งที่มีสีคล้ำกว่าเก้งธรรมดา ทางด้านบนสีดำตัดกับสีขาวด้านล่างชัดเจน บริเวณโคนเขามีขนยาวแน่นและฟูเป็นกระจุก ชอบอาศัยอยู่เดี่ยว ๆ ในป่าดงดิบตามลาดเขา จะอยู่เป็นคู่เฉพาะในฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น กินใบไม้ หญ้าและผลไม้ ตกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 6 เดือน พบบริเวณชายแดนไทย-พม่า และในภาคใต้ของไทย เป็นสัตว์ในตระกูลกวางที่หายากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก



สมเสร็จ

ชื่อสามัญ : Malayan Tapir
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tapirus indicus
ชื่ออื่น : ผสมเสร็จ
เป็นสัตว์หากินกลางคืน น้ำหนักประมาณ 250-300 กก. มีประสาทสัมผัสทางกลิ่นและเสียงดีมาก มีจมูกเหมือนงวงช้าง รูปร่างเหมือนหมู เท้าเหมือนแรด จึงเรียกว่าผสมเสร็จหรือสมเสร็จ มักหากินตามที่รกทึบ ตกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 13 เดือน พบบริเวณป่าชายแดนไทย-พม่า ตลอดลงไปจนถึงภาคใต้ของไทย






แรด

ชื่อสามัญ : Javan Rhinoceros
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rhinoceros sondaicus
ชื่ออื่น : แรดชวา
มีนอเดียว ความสูงที่ระดับไหล่ 1.70-1.75 เมตร น้ำหนัก 1,500-2,000 กก. ชอบนอนในปลัก โคลนตม หนองน้ำ เพื่อไม่ให้ถูกแมลงรบกวน มีสายตาไม่ค่อยดีนัก แต่ประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นดีมาก ชอบกินยอดไม้ ใบไม้และผลไม้ ตกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 16 เดือน อาศัยอยู่ในป่าทึบ โดยเฉพาะบริเวณที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ครั้งหนึ่งเคยมีพบในบริเวณป่าชายแดนไทย พม่า ลงไปทางใต้ แต่ไม่มีใครพบแรดในธรรมชาติในเมืองไทยเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ประชากรแรดในประเทศอื่น ๆ ก็อยู่ในภาวะคล้ายคลึงกัน ปัจจุบันยังมีเหลือแรดอยู่ในธรรมชาติเพียง 20-30 ตัวเท่านั้น โดยอยู่ในอุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งในประเทศเวียดนาม






พะยูน

ชื่อสามัญ : Dugong
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dugong dugon
ชื่ออื่น : หมูน้ำ, ปลาพะยูน
สัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม น้ำหนักประมาณ 300 กก. ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง กินหญ้าทะเลตามบริเวณน้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องนาน 1 ปี ลดจำนวนลงมากเพราะติดอวน และหญ้าทะเลซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญถูกทำลาย ปัจจุบันพบอยู่บริเวณเกาะลิบงและหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ประมาณ 40-50 ตัว






ละอง, ละมั่ง

ชื่อสามัญ : Eld's Deer
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cervus eldi
ชื่ออื่น : _
ละอง เป็นชื่อเรียกตัวผู้ ส่วนละมั่งเป็นชื่อเรียกตัวเมีย ความสูงที่ระดับไหล่ 1.2 - 1.3 เมตร หนักประมาณ 95-150 กก. ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ ออกหากินทั้งกลางวันและกลางคืน กินใบไม้ ใบหญ้า และผลไม้เป็นอาหาร ตกลูกครั้งละ 1 ตัว ตั้งท้องประมาณ 7-8 เดือน มีสองชนิดย่อย คือ C. e. thamin และ C. e. siamensis ปัจจุบันละองและละมั่งได้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติของไทยไปแล้ว แต่คาดว่ายังมีเหลืออยู่ตามบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา และบริเวณเทือกเขาตะนาวศรีชายแดนไทย-พม่า


อ้างอิงจาก    http://www.verdantplanet.org/preserve/preserv.php

พระคาถาชินบัญชร

คาถาชินบัญชร  ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วระลึกถึงหลวงปู่โตและตั้งคำอธิษฐานแล้วเริ่มสวด


เริ่มสวด นโม 3 จบ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ


นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน

ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา
อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ



เริ่มบทพระคาถาชินบัญชร
ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา.


ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา.


สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.


หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก.


ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.


เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว



กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิคุณากะโร.


ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ.


เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.


ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง


ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา


ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา
วาตะปิตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.


อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.


ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา.


อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.
    คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ
ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง
ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ 


อ้างอิงจาก http://www.84000.org/pray/chinnabanchorn.shtml

Top 10 นามสกุลเก่าแก่ของไทย

10 นามสกุลเก่าแก่ของไทย


เดิมคนไทยไม่ได้มีนามสกุล จะมีเพียงชื่อเรียกเท่านั้น ในสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จึงโปรดให้มีการตั้งนามสกุลเหมือนกับประเทศอื่นๆ โดยให้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุล เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455 หลายครอบครัวก็ตั้งนามสกุลตามชื่อของผู้นำของครอบครัวนั้น หรือตามถิ่นที่อยู่อาศัยของครอบครัวนั้น ดังที่จะขอกล่าวถึงนามสกุลดังต่อไปนี้โดยไม่เรียงลำดับความเก่าแก่ของแต่ละนามสกุล แต่จะเป็นนามสกุลที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ถึงตัวตนของบรรพบุรุษแต่ละสกุล โดยส่วนมากจะเป็นตระกูลของเจ้าเมือง ขุนนางในราชสำนัก และคหบดี มาแต่ครั้งกรุงเก่า เป็นต้น

1 บุนนาค นับว่าเป็นตระกูลที่เก่าแก่ บรรพชนของสกุลบุนนาคสืบเชื้อสายมาจากพ่อค้าชาวเปอร์เซีย (อิหร่าน) มีนามว่า เฉกอะหฺมัด ที่เข้ามารับราชการในกรุงพระนครศรีอยุธยา ในสมัยรัตนโกสินทร์ยังได้เป็นราชินิกุลอีกด้วย

2 ณ บางช้าง ซึ่งเป็นพระญาติวงศ์ในสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช. นอกจากนั้น สกุล ณ บางช้าง ยังเป็นราชสกุลหนึ่งที่สืบเชื้อสายจากราชวงศ์สุโขทัยแห่งอาณาจักรอยุธยา

3 วัชโรทัย สืบสกุลมาจากพระยาอุทัยธรรม เจ้ากรมภูษามาลาในรัชกาลที่หนึ่งนั้น ท่านเคยรับราชกาลเป็นภูษามาลาในสมัยกรุงศรีอยุธยามาแล้ว เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกขึ้นปราบดาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์ จึงเข้ามาถวายตัวเพื่อทำตำแหน่งสืบตระกูลภูษามาลาอย่างต่อเนื่องจนถึงรัชกาลปัจจุบัน

4 สุจริตกุล ต้นตระกูลสุจริตกุล คือหลวงอาสาสำแดง (แตง) สืบเชื้อสายมาจากขุนนางในราชสำนักกรุงเก่า กับท้าวสุจริตธำรง (นาค) เป็นนายวิเสทกลางหวานในพระบรมมหาราชวัง ตำแหน่งเดิมท้าวทองพยศ ตราตระกูลจึงเป็นรูปพญานาคพันแตง


5 ณ ป้อมเพชร เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และพระสมุทบุรานุรักษ์ (ขำ) ต้นสกุลนั้น ต่อมาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา" (ขำ ณ ป้อมเพชร์) อธิบดีกรมราชทันฑ์คนแรกของประเทศไทย

6 โรจนกุล ตระกูลของเจ้าพระยาพิษณุโลก สืบเชื้อสายมาจากบิดาซึ่งเป็นพราหมณ์ชื่อ พราหมณ์ศิริวัฒนะ ราชปุโรหิตในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 แห่งราชวงศ์ปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา

7 อมาตยกุล ตระกูลนี้สืบเชื้อสายมาจากขุนนางเก่าแก่ของกรุงศรีอยุธยา และเป็นขุนนางสืบต่อกันมาเรื่อยโดยไม่เว้นช่อง ตั้งแต่แผ่นดินพอเจ้าประสาททอง จนถึงกรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ ๖ รัชกาลถึง ๑๕ แผ่นดิน เป็นถึงชั้นพระยามีมากหลายท่านที่เป็นขุนหลวงพระแตกสาขาออกไปอีกนับร้อย

8 ณ นคร สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าขัตติยราชนิคม สมมติมไหสวรรย์ พระเจ้านครศรีธรรมราช แห่งราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงนายสิทธิ์นายเวรมหาดเล็กในสมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพร ต่อมาได้รับตำแหน่งเป็นปลัดเมืองนครศรีธรรมราช

9 บุรณศิริ เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (บุญศรี) ต้นตระกูล “บุรณศิริ” ที่สืบเชื้อสายจากพราหมณ์เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย เข้ารับราชการในประเทศไทยตั้งแต่สมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยาครั้นถึงรัชกาลที่ 4 ต้นตระกูล “บุรณศิริ” ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “เจ้าพระยาธรรมกรณาธิบดี” เสนาบดีกระทรวงวัง ต่อมาเมื่อชราได้รับพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯเปลี่ยนราชทินนามเป็น “เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี”

10 ราชตระกูลสายสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เสนาบดีพระคลังในรัชกาลสมเด็จพระเพทราชา ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นออกพระวิสุทธสุนทร และได้เดินทางไปถวายพระราชสาส์นของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ยังราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เมื่อ พ.ศ. 2228 มีดังนี้ นรินทรางกูร เทพหัสดิน มนตรีกุล อิศรางกูร เจษฎางกูร นรินทรกุล

ปล. ยังมีนามสกุลเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายมาแต่ครั้งกรุงเก่าอีกมาก แอดมินเพียงจะขออนุญาต ยกมาเพียงนามสกุลที่กล่าวไว้ข้างต้นเพื่อเป็นปฐม

ที่มา: คลังประวัติศาสตร์ไทย


อ้างอิงจาก http://board.postjung.com

Top 10 วัดยอดนิยมในประเทศไทย

>>พุทธศาสนา สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในวิถีชีวิตของคนไทยที่ซึ่งพุทธศาสนิกชนจะไปทำบุญและนมัสการขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์….ทริปแอดไวเซอร์ เว็บไซต์ท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ทำการรวบรวมวัดยอดนิยมในประเทศไทย ซึ่งได้รับการแนะนำโดยนักเดินทางทั่วโลก ผ่านทางเว็บไซต์ทริปแอดไวเซอร์ สำหรับการไปทำบุญและนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ได้แก่
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) กรุงเทพฯ
       1.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) กรุงเทพฯ
       

       วัดเก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่มีความยาวตลอดทั้งองค์ 46 เมตร นักเดินทางของทริปแอดไวเซอร์ กล่าวว่า “ขนาดของพระพุทธไสยาสน์นี้สามารถสะกดให้คุณหยุดนิ่งอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ และตะลึงในความงดงาม รวมถึงภาพจิตรกรรมบนฝาผนังและหน้าต่างก็ยังสวยงามด้วยเช่นกัน”
วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร (วัดอรุณ) กรุงเทพฯ
       2. วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร (วัดอรุณ) กรุงเทพฯ 
  
       เป็นวัดในกรุงเทพฯ ที่ได้รับการลงความเห็นว่ามีชื่อเสียงและถูกถ่ายภาพมากที่สุด พระปรางค์วัดอรุณมีความสูง 70 เมตร ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและกระจกสีต่างๆ และมีนักเดินทางได้กล่าวถึงวัดอรุณฯ ไว้ว่า “เป็นสถานที่ที่มีความสงบ สวยงามจับใจ และถ้าคุณได้ขึ้นไปถึงบนยอดพระปรางค์โดยบันไดที่สูงชัน คุณจะได้มองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ”
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพฯ
       3. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพฯ 
  
       ตั้งอยู่บริเวณชั้นในของพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปอันทรงคุณค่าคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยมาตั้งแต่พ.ศ. 1944 นักเดินทางที่เคยมาท่องเที่ยวกล่าวว่า “รายละเอียดการออกแบบองค์พระแก้วมรกตเป็นงานฝีมือที่แสดงให้เห็นถึงความรักและศรัทธาของคนไทยที่มีต่อพระแก้วมรกต”
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
       4. วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ 
       

       ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ที่ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 30 นาที วัดพระธาตุแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับยอดดอยสุเทพ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 1929 และนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดนาค 309 ขั้น หรือจะเลือกขึ้นรถกระเช้าลอยฟ้าเพื่อไปนมัสการองค์พระเจดีย์ นักเดินทางรายหนึ่งของทริปแอดไวเซอร์ให้ความเห็นว่าทำไมเธอจึงชื่นชอบวัดแห่งนี้มาก “มีบางสิ่งที่พิเศษและสงบ องค์พระเจดีย์งดงามน่าประทับใจมาก”
วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพฯ
       5.วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพฯ 
  
       วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปทองคำ ที่หล่อด้วยทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูงเกือบ 5 เมตร และมีน้ำหนักรวมประมาณ 5.5 ตัน พระพุทธรูปที่วัดไตรมิตรแห่งนี้ถูกพบโดยบังเอิญในขณะที่กำลังมีการเคลื่อนย้าย ทำให้พระพุทธรูปตกกระแทกพื้น ส่งผลให้ปูนที่หุ้มกระเทาะออก เผยให้เห็นเนื้อทองคำบริสุทธิ์ จึงมีการลอกปูนออกทั้งองค์ แล้วนำขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิหารมาจนถึงปัจจุบันนี้ “เรารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้เห็นพระพุทธรูปทองคำที่หล่อจากทองคำแท้ๆ ฉันสัมผัสได้ถึงความสงบเมื่อเข้าไปในพระวิหารที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปที่งดงามอย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์อยู่ในบริเวณวัดที่บอกเล่าถึงประวัติที่มาขององค์พระพุทธรูปอีกด้วย” นักท่องเที่ยวรายหนึ่งได้อธิบายไว้ว่าทำไมวัดแห่งนี้ถึงเป็นสถานที่ที่ควรไปเยี่ยมชมและสักการะ
พระพุทธรูปทองคำ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
      
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) กรุงเทพฯ
       6. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) กรุงเทพฯ 
  
       วัดแห่งนี้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ภูเขาทอง ซึ่งหมายถึงภูเขาสูง ทั้งยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเกาะรัตนโกสินทร์โดยรอบ ภูเขาทองสูงประมาณ 80 เมตร ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและได้ต้อนรับผู้ที่มาสักการบูชาตลอดทั้งปี เช่นนักเดินทางรายหนึ่งที่ได้ให้ความคิดเห็นไว้ว่า “ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของเมือง เจดีย์ทองคำบนยอดนั้นสวยงามอลังการมาก”
วัดพระใหญ่ เกาะสมุย
       7.วัดพระใหญ่ เกาะสมุย 
  
       นอกเหนือจากหาดทรายอันสวยงามแล้ว วัดพระใหญ่ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความโดดเด่น และเป็นสัญลักษณ์บน เกาะสมุย เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพุทธรูปโบราณที่มีความสูงถึง 12 เมตร ที่สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2515 และมีนักท่องเที่ยวของทริปแอดไวเซอร์รายหนึ่งกล่าวว่า “ เป็นองค์พระพุทธรูปที่สวยงามและเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์มากที่มีบางสิ่งที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้อยู่บนเกาะเล็กๆ แห่งนี้”
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
       8.วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ 
  
       ก่อสร้างในช่วงศตวรรษที่ 14 และ 15 และมีอายุยาวนานกว่า 600 ปีมาแล้ว วัดเก่าแก่แห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ดังเช่นนักเดินทางรายหนึ่งที่ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า “วัดเจดีย์หลวงมีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่สะดวก เป็นวัดที่มีความสงบร่มรื่น มีประวัติศาสตร์ที่สำคัญ และมีพระภิกษุที่มีทักษะในการสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ถึงวิถีปฏิบัติของพระภิกษุและคำสอนในพระพุทธศาสนา”
วัดฉลอง จังหวัดภูเก็ต
       9.วัดฉลอง จังหวัดภูเก็ต 
  
       วัดฉลอง ก่อสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จะเดินทางมานมัสการหลวงพ่อแช่ม และหลวงพ่อช่วง ผู้ก่อตั้งวัดฉลอง ซึ่งชาวบ้านเลื่อมใสและศัรทธาหลวงพ่อทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีชื่อเสียงทางด้านการปรุงยาสมุนไพร และช่วยเหลือชาวภูเก็ตต่อสู้กับพวกชาวจีน (อั้งยี่) กรรมกรเหมืองแร่ที่ได้ก่อเหตุจลาจลในช่วงปีพ.ศ. 2419 นักท่องเที่ยวของทริปแอดไวเซอร์รายหนึ่งกล่าวว่า “เป็นวัดที่มีความสวยงาม ตระการตา มีทั้งอุโบสถ และเจดีย์ที่สำคัญ โดยเฉพาะพระมหาธาตุเจดีย์ที่ประดิษฐสถานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มีความอลังการเป็นอย่างยิ่ง”
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
       10.วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ 
   
       วัดพระสิงห์สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ามหาพรหมา และเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ วัดแห่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบล้านนา นักเดินทางชาวไทยได้กล่าวถึงวัดพระสิงห์แห่งนี้ว่า “ถึงแม้วัดจะอยู่ใกล้กับตัวเมือง แต่ยังคงไว้ซึ่งความเงียบสงบและร่มรื่น มีความงดงามทางศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ”

อ้างอิงจาก http://www.manager.co.th

Top 10 อันดับอาหารไทยยอดนิยม

อันดับที่ 1 
ผัดไทย ของโปรดของใครหลายคนที่ถือเป็นอาหารประจำชาติกันเลยทีเดียว (แค่ชื่อก็บ่งบอกแล้ว)
อันดับที่ 2 แกงเขียวหวานไก่ อาหารจานเด็ดที่ประยุกต์ให้รับประทานได้กับหลากหลายเมนู
อันดับที่ 3 ต้มข่าไก่ รสชาติและกลิ่นอันหอมหวลที่ใครก็ยากจะปฏิเสธ
อันดับที่ 4 ต้มยำกุ้ง สุดยอดอาหารไทยที่รู้จักทั่วโลก ดังขนาดต้องเอาไปตั้งชื่อหนังขายฝรั่ง
อันดับที่ 5 ต้มยำไก่ อาหารจานเด็ดอีกรายการที่ถูกลิ้นถูกใจคนค่อนโลก
อันดับที่ 6พะแนง หวาน ๆ มัน ๆ เผ็ดเล็กน้อย พอปะแล่มลิ้น
อันดับที่ 7 หมูสะเต๊ะ อันหอมหวานพอดีลิ้น
อันดับที่ 8 ส้มตำ อาหารอีสานคลาสสิกที่ไม่มีใครไม่รู้จัก
อันดับที่ 9 ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อาหารระดับตำนานอีกจานของเมืองไทย
อันดับที่ 10 ปอเปี๊ยะทอดสุดอร่อย



อ้างอิงจาก  http://www.oknation.net